Sunday, August 31, 2008

ข้อคิดจากโอลิมปิก 2008

Mascot แสนน่ารักจาก Beijing Olympic Game 2008

กีฬาโอลิมปิกจบไปแล้วพร้อมเรื่องราวต่างๆมากมาย ฉันเองก็ติดตามบ้างแต่ก็ไม่ถึงกับติด ได้ดูจริงๆก็จะเป็นช่วงเสาร์อาทิตย์มากกว่า แล้วก็มวยนัดที่เรามีชิงเหรียญทอง ส่วนผลการแข่งขันก็เป็นไปตามคาดว่าจีนเป็นเจ้าเหรียญทอง

ฉันว่าสิ่งน่าสนใจมากกว่าผลการแข่งขันคือฉันได้เรียนรู้อะไรดีๆจากนักกีฬาเหรียญทองของไทยทั้งสองคนคือน้องเก๋ เจ้าของเหรียญทองยกน้ำหนักรุ่น 52 กก. และสมจิต นักชกเหรียญทองคนเดียวของไทยจากปักกิ่งเกมส์ ทั้งสองคนคล้ายกันอย่างนึงคือเมื่อสี่ปีก่อนทั้งสองเจอความผิดหวังจนถึงกับถอดใจไปแล้วว่าจะเลิกรับใช้ทีมชาติ โชคดีที่สุดท้ายกลับมาสู้ต่อจนได้เหรียญสมความตั้งใจ

มันทำให้ฉันเห็นสัจธรรมเลยนะว่าบางครั้งเราก็ต้องยอมรับกับความผิดหวัง ในเมื่อมันยังไม่ใช่วันของเรา ก็ถือซะว่าพรุ่งนี้ยังมีอีก ล้มวันนี้ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีวันนั้นสำหรับเราอีก ใครจะไปรู้ อนาคตข้างหน้าอาจมีวันที่เราสำเร็จบ้างก็เป็นได้ Be Positive

Tuesday, August 12, 2008

AF5 หนทางสู่ดวงดาวของเด็กบ้านๆคนนึง


คอนเสิร์ทวีคสุดท้าย กับห้าคนสุดท้าย เวทีสวยจัง

จะไม่เขียนถึงเอเอฟซีซั่น 5 คงจะผิดประเพณีแน่ๆ ปีนี้จบเร็วกว่าปีที่แล้ว ถ้าเทียบความสนุกก็คนละแบบนะ ปีก่อนเป็นเพราะคนที่ฉันเชียร์คือน้องแจ๊คออกเร็วมาก ฉันเลยไม่ค่อยอยากดูต่อ จะดูก็แต่คอนเสิร์ทเท่านั้น ปีฉันดูเยอะกว่าปีที่แล้วนะ คนที่เชียร์ค่อนข้างหลากหลายนะ ปีนี้ฉันเชียร์อยู่สามคนคือกรีน โบว์และรอน คนแรกนี่เชียร์เพราะบุคลิกดูโดดเด่นมาก ร้องเพลงงั้นๆ แต่มีเสน่ห์ สูง หน้าตาเก๋ไก๋ คนที่สองนี่ฉันเก็งว่าจะต้องติดหนึ่งในห้าแน่นอนเพราะว่าโดดเด่นมากเมื่ออยู่บนเวที แถมสวยอีกต่างหาก ในบ้านก็ดูโอเค ตั้งใจเรียน ส่วนคนสุดท้ายคือน้องรอนนี่เห็นว่าดูบ้านๆดี ก็เลยเชียร์ ฉันน่ะชอบเชียร์คนที่ดูบ้านๆ เรียบร้อยๆมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว พอไปสักพัก โบว์ออก รู้สึกเซ็งมาก กรีนก็ทำตัวแปลกๆขึ้น ไปคลุกคลีกับปั้มมาก เลยไม่ค่อยชอบแล้ว ทีนี้ก็เหลือแต่น้องรอนให้เชียร์

หลังจากร้องเพลงสุดท้ายจบ เป็นโชว์ปิดที่ได้ใจคนดูมากๆ

วีคแรกๆน้องรอนดูยังไม่โดดเด่น การแสดงงั้นๆ ดูอกกจะเด็กๆไปด้วยซ้ำ แต่ฉันชอบที่น้องยิ้มเก่งดี ดูน่ารัก พอวีคที่ร้องเพลงขอบคุณยังน้อยไป โอ ได้เห็นศักยภาพการเต้นของน้องแล้วรู้สึกเลยว่าน้องเริ่มฉายแววแล้ว พอมาวีคเพลงเกาหลี รอนได้เพลงโปรดของฉันคือ Full of Happiness ของ Super Junior น้องรอนเต้นได้ใจมาก เป็นคนที่เก่งที่สุดในเอเอฟเลยมั้ง พอวีคBattle นี่ไม่ต้องพูดถึง เพลงShe bangsนี่ตราตรึงในจิตใจฉันมาก เป็นโชว์ที่ฉันชอบที่สุดเลยนะ เพราะไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ฉันชักอยากให้น้องไปถึงวีคสุดท้ายจริงๆซะแล้ว

สุดท้ายน้องก็ไปถึงอิมแพคจริงๆ แถมได้รองชนะเลิศอีก ไม่น่าเชื่อนะเนี่ย

เหลือสองคนสุดท้ายกับนัททิว

ฉันไปหาคลิปเก่าไนบ้านมาดู ได้เห็นว่าน้องรอนเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีมากๆ ที่บ้านเขาค่อนข้างลำบาก เขาไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ ต้องช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่อยู่ม.ต้น แต่เขาไม่ได้มองความยากลำบากนั้นเป็นอุปสรรคในชีวิตเลย น้องเคยพูดในคลาสแอ็คติ้งว่า "ขอบคุณความลำบาก เพราะความลำบากสร้างคน" น้องรอนสอนอะไรฉันเยอะเลยนะเนี่ย


แชมป์และรองแชมป์ เอเอฟห้า


ตอนนี้น้องฉายแววเต็มตัวแล้ว หน้าตาก็ดูดีขึ้นมาก ไม่น่าเชื่อว่าภายในเวลาสามเดือนจะทำให้คนเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ฉันก็คงติดตามผลงานของน้องไปเรื่อยๆ

อืม ถ้าจะถามว่าตอนนี้น้องแจ๊คหายไปไหนแล้ว อืม ก็ความรู้สึกมันซาๆไปตั้งนานแล้วล่ะ บ้าอยู่พักนึง ตอนนี้ก็เฉยๆแล้วล่ะ ฉันก็งี้แหละ เบื่อง่าย ฮิฮิ

ก็ของเค้าดีจริงนิ

Monday, August 11, 2008

The Return of me Part II

กลับมาเล่าถึงชีวิตฉันหลังจากหายป่วยดีกว่า เอาเรื่องอะไรดีล่ะ ...

อ้อ วีน้องที่สนิทกันที่อยู่เยอรมนีกลับมาเที่ยวเมืองไทย แต่คราวนี้ไม่ได้มาคนเดียว หนีบหนุ่มเยอรมันมาด้วยหนึ่งคน เนื่องจากวีมีเวลาน้อยมาก ฉันเลยไปเจอเขาวันสุดท้ายก่อนเขาจะกลับ ที่บ้านพาวีไปทานข้าวที่ตึกใบหยกสอง ฉันก็เพิ่งเคยไปครั้งแรกอะ อยากบอกว่าวิวดีมากๆ อาหารก็อลังการ เป็นบุฟเฟ่นานาชาติ ฉันงงจนไม่รู้ว่าจะเริ่มกินอะไรก่อนดี สุดท้ายก็กินไม่ได้ทั่วหรอกเพราะว่าเยอะมาก ฉันได้คุยกับวีพอสมควร ฉันตั้งใจว่าปีหน้าจะไปเยี่ยมวีกับแม่ที่เยอรมนี คงถือโอกาสแวะไปประเทศใกล้เคียงด้วย

เรื่องงาน ตอนนี้โปรเจ็คก็ใกล้เสร็จแล้ว ดีใจจัง ตอนแรกคิดว่าจะไม่รอดแล้วนะเนี่ย หลังจากนี้ก็คงมีอะไรให้ทำอีก แต่ฉันว่ามันก็คงไม่หนักเท่าโปรเจ็คอีกแล้ว


นอกเรื่อง ตอนนี้ที่ทำงานเปลี่ยนโต๊ะใหม่ ยังไม่ชินกับมันเลย ฉันว่าตัวเก่าดีกว่านะ

อ้อ นี่ก็ครบรอบหนึ่งปีของ blog นี้แล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะถูลู่ถูกังเขียนมาได้ถึงปีนะ แม้ว่าจะหายไปบ้าง ปีต่อไปจะพยายามมาเขียนให้สม่ำเสมอกว่านี้

ไปดีกว่า โฮะโฮะ

The Return of me Part I

ห่างหายจากการอัพบล็อกกว่าสองเดือน สาเหตุนั้นเกิดจากความขี้เกียจบวกกับมีเรื่องอะไรเข้ามาเยอะแยะไปหมด เป็นระยะเวลาสองเดือนที่เหมือนเป็นเวลาหนึ่งปีเลยนะ วันนี้เลยถือโอกาสรวบยอดสรุปเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา

เมื่อเดือนมิถุนา ฉันได้มีโอกาสไปนอนโรงพยาบาลครั้งแรกเพราะป่วยเป็นไข้เลือดออก ฟังดูน่าภูมิใจนะ แต่ที่ไหนได้ตอนป่วยนี่เกือบตาย ตอนแรกไม่รู้หรอกว่าตัวเองเป็น มันเริ่มจากอาการเหมือนเป็นไข้นิดหน่อยในวันเสาร์ พอวันอาทิตย์ตอนเช้านี่ลุกไม่ขึ้นเลย แปลกมาก รู้เลยว่าไม่น่าเป็นไข้ธรรมดา เพราะขนาดเดินลงข้างล่างยังเหนื่อยมากๆ กอล์ฟเลยพาไปโรงพยาบาล ได้ยาแก้หวัดมาชุดนึง หมอบอกว่าถ้าอีกสามวันไข้ยังไม่ลดให้มาเจอะเลือดดู ฉันก็นอนซม กินอะไรไม่ลงเลย แถมมีอาการท้องเสีย และอาเจียนด้วย ถึงกับซีดทีเดียว ฉันพักอยู่บ้านจนถึงวันพุธ สงสารจุ๊บๆเหมือนกันเพราะช่วงนั้นงานเยอะมาก พอวันพฤหัสก็กัดฟันไปทำงาน รู้เลยว่าเบลอสุดๆ ยังไม่หายเพลียเท่าไร แต่เริ่มทานได้แล้ว พอวันศุกร์ทีนี้ละตัวเริ่มเป็นจ้ำๆ รู้เลยว่าสงสัยเจอแจ๊คพ๊อตจริงๆ เลยขอลางานไปเจอะเลือด วันนั้นปิด Payroll วันแรกพอดี สงสารจุ๊บๆมาก ต้องทำงานคนเดียว พอเจาะเลือดเสร็จ คุณหมอก็บอกผลว่าเป็นจริงๆ เกล็ดเลือดต่ำกว่า1 แสน หมอบอกให้ admitเลยนะครับ คือว่าไม่ได้ตั้งตัวเลย คุณพยาบาลก็เอาเอกสารมาให้เซ็นต์เป็นการยินยอมให้ตัวเองรับการรักษาพยาบาล แล้วคุณพี่รถเข็นก็พาฉันขึ้นไปชั้น 11 เป็นห้องเดี่ยว สภาพดีทีเดียว คุณพยายาบาลเริ่มเจอะโน่น วัดนี่ ฉันต้องให้น้ำเกลือด้วยเพราะว่าเลือดข้นมาก การที่ต้องหิ้วน้ำเกลือไปไหนต่อไหน รวมถึงเวลาเข้าห้องน้ำมันไม่สนุกเลยนะ

การนอนโรงพยาบาลให้ประสบการณ์แปลกใหม่เหมือนกันนะ ฉันไม่กลัวนะแม้ว่าจะต้องนอนคนเดียว แต่ฉันว่ามันน่าเบื่อมากกว่าเพราะวันๆทำอะไรไม่ได้เลย ได้แต่นั่งดูทีวี ดูจนติดหนังเกาหลีทางช่องเจ็ด แม่มดยูฮีต้องไปหาแผ่นมาดูเลย ตอนนั้นอาการของฉันมันดีขึ้นเยอะแล้ว เยอะกว่าตอนหยุดอยู่บ้านมาก เลยรู้สึกเหมือนจับเอาคนสบายดีมาอยู่เฉยๆ แล้วนี่เป็นครั้งแรกที่ต้องดูเอเอฟผ่านทางช่องเก้า รำคาญโฆษณาจริงๆ ทำให้เสียอรรถรถการดู แถมช่วงคอมเมนต์ก็หายไปหมด

หะมู หะตู หะออ และพี่กุงมาเยี่ยมด้วย จุ๊บๆก็จะมาแต่ฉันบอกว่าไม่ต้องเพราะว่าวันอาทิตย์ก็จะกลับบ้านแล้ว พอผลเลือดวันอาทิตย์ออก ปรากฎว่าเกล็ดเลือดเพิ่มขึ้นแล้ว ฉันก็ขอกลับบ้านทันที เบื่อที่จะต้องหิ้วน้ำเกลือไปๆมาๆอีกแล้วล่ะ

วันรุ่งขึ้นฉันไปทำงานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆที่ป่วยจะแย่เมื่ออาทิตย์ก่อน มีแต่คนบอกว่าฉันฟื้นตัวเร็วมาก ปกติเขาป่วยกันสองอาทิตย์กว่าจะหาย ฉันก็ว่างั้นแหละ คงโชคดีมั้ง

อาการของฉันค่อยๆหายเป็นปกติ แต่มีอาการหดหู่เข้ามาแทน ไม่รู้เป็นอะไร จู่ๆก็รู้สึกเบื่อมากๆ ไม่อยากทำงาน กุ๊กบอกว่ามันเป็นอาการหลังจากฟื้นไข้ มันก็เพิ่งเป็นเหมือนกัน ฉันก็เลยขอลาหยุดหนึ่งวัน แล้วชวนเจ้ากุ๊กไปดูหนัง แล้วก็ช๊อปปิ้งทั้งวัน หมดเงินไปหลายเลย แต่ก็ดีขึ้นนะ

ตอนนี้ก็สบายดีแล้วล่ะ แต่ไม่อยากเป็นอีกแล้วนะไอ้ไข้เลือดออกเนี่ย ครั้งเดียวก็เกินพอ