Sunday, November 30, 2008

My Best Friend's Wedding vs. Maid of Honour

ความเหมือนของหนังเรื่อง My Best Friend's Wedding กับ Maid of Honour คือมีผู้กำกับคนเดียวกัน

ความบังเอิญของหนังทั้งสองเรื่องกับตัวฉันคือ มันเป็นหนังโปรดของฉันทั้งคู่ ประกอบกับชีวิตฉันณ เดือนนี้ เหมือนชื่อหนังทั้งสองเรื่อง

ใช่แล้ว เพื่อนสนิทของฉันกำลังจะแต่งงาน และฉันก็จะไปเป็นเพื่อนเจ้าสาว

ฉันไม่เคยเป็นเพื่อนเจ้าสาวมาก่อน เลยไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง ปกติเคยแต่เป็นคนคุมคิว คุมไฟในงานแต่งาน ได้ยินว่าไม่ค่อยมีอะไรมาก แค่ยืนอยู่หลังเจ้าสาวก็พอ

ปรากฎว่าฉันต้องตื่นมาแต่งหน้าตั้งแต่ตีหนึ่งครี่ง (ไม่แน่ใจว่าได้นอนรึเปล่าเพราะมันแป๊ปเดียวมากๆ) พอตื่นแล้วก็เลยอยู่ยาวไปถึงเช้า พิธีหมั้นเริ่มตอนตีห้า เสร็จประมาณเที่ยง ฉันมีเวลากลับมานอนประมาณสี่สิบนาที แล้วก็อาบน้ำแต่งตัวไปงานตอนเย็นที่ภัทราวดีเธียเตอร์ โชคดีที่งานตอนเย็นไม่มีพิธีอะไรมากมาย ฉันเพียงแค่ไปช่วยดูเรื่องคิว และเรื่องเทคนิก เช่นเรื่องprojector slide VCD อ้อ งานนี้เป็นงานของเพื่อนสนิทฉัน ดังนั้นจึงขาดไสลด์ฝีมือฉันไปได้อย่างไร ฉันไปถ่ายที่บ้านเพื่อนวันอาทิตย์ ใช้เพลงของ ETC สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าหัวใจ ฉันว่ากำลังอินเทรนด์น่ะ เนื้อหาเพลงก็เหมาะดี เพื่อนฉันไว้ใจมากขนาดว่าไม่ยอมดู จะไปดูในงานพร้อมกับคนอื่นๆ ฉันเลยแอบกังวลเหมือนทุกที ไม่รู้ว่าเขาจะชอบมั้ย แอบยืนลุ้นอยู่ตอนเปิดฉาย ปรากฏว่าเพื่อนฉันกับแฟนชอบมาก ความเหนื่อยเลยหายเป็นปลิดทิ้ง ดีใจที่เพื่อนชอบ

นอกจากจะคุมคิว ทำสไลด์ ฉันสวมบทบาทเป็นนักร้องด้วย ตอนแรกคิดว่าจะร้องสามเพลง แล้วก็ตัดออกเพลงนึงเหลือสองเพลง สุดท้ายก็ได้ร้องทั้งสามเพลง เพลงสุดท้ายร้องตอนคนกลับไปแล้ว เหลือแต่เพื่อนๆซึ่งก็คิดว่าคงจะชินกับพฤติกรรมของฉันแล้ว คงจะไม่ถือสาอะไร

เพลงเดี่ยวที่ฉันร้องคือ I will Survive ที่จริงฉันไม่ได้เลือกนะ แต่เพื่อนฉันเลือก เขาอยากได้เพลงสนุกๆมันส์ๆ ฉันเลยรับอาสาร้องให้ ฉันก็ร้องแบบเรื่อยๆไม่หนักใจมากเท่าไรเพราะเป็นเพลงหากินประจำตัวอยู่แล้ว แต่ก็แอบเสียงไม่ถึงเป็นบางท่อน ฉันโทษว่าเป็นเพราะนอนไม่พอละมั้ง สิ่งที่คาดไม่ถึงคือปฏิกิริยาคนฟังดูสนุกสนานมาก ทำให้ฉันยิ่งสนุก นี่ถ้าไม่อดนอนจะมันส์กว่านี้อีก พอร้องจบได้รับเสียงปรบมือ ทำให้ฉันมีกำลังใจมากมายทีเดียว ดีใจที่คนชอบและก็สนุกกัน

Sunday, November 23, 2008

Kylie X คอนเสิร์ทที่รอคอย

Kylie X live in BKK


Kylie Minogue เป็นหนึ่งในศิลปินที่ฉันติดตามตั้งแต่วัยเยาว์ จำได้ว่าตั้งแต่ราวๆประถมปลายฉันรู้จักป้าไคลี่จากอัลบัมแรก ตอนนั้นเพลง I should be so lucky ดังมากๆ ป้าจะดังช่วงเดียวกับ Jason Donovan & Bananarama แถมแนวเพลงก็คล้ายๆกันเพราะ producerทีมเดียวกัน SAW (Stock Aitken Waterman) ฉันฝังใจกับเพลงเหล่านี้มากๆ เรียกได้ว่าโตมากับเพลงพวกนี้ ขนาดภาษาอังกฤษยังไม่เก่ง ฟังไม่ออก ยังเอาเนื้อเพลงมานั่งแกะหัดร้อง หลังจากอัลบัมแรก ฉันก็คิดตามผลงานป้าามาเรื่องๆถึงอัลบัมสี่ จากนั้นป้าก็ค่อยๆหายวับไปจากวงการ ทำเพลงมาน้อยและก็แนวไม่เหมือนเดิม ฉันยังคิดไปว่าป้าคงถึงทางตันของอาชีพแล้ว นักร้องใหม่ๆก็เกิดขึ้นมากมาย จะกลับมาดัวอีกคงยากล่ะ


ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าป้าไคลี่จะกลับมาอย่างงดงามด้วย Spinning around ซึ่งก็เป็นแนวเพลงแบบฉบับของป้า ดังถล่มทลายมากๆ ไม่ต้องพูดถึงอัลบัมต่อมา can't get u out of my head ที่มีท่าเต้นเริ่ดสุดๆ แต่เพลงที่ฉันชอบมากที่สุดในอัลบัมคือ Love at first sight


กอล์ฟบอกว่าป้าไคลี่เคยมาสมัยก่อนนานมากๆ ตอนนั้นมาเล่นคอนเสิร์ทที่นาซ่า ฉันรู้แต่ว่าถ้าป้ามาอีกรอบล่ะฉันไม่พลาดแน่ๆ .......


และแล้วป้าก็มาจริงๆ กับคอนเสิร์ท Kylie X 2008 ณ Impact Arena สองวันก่อนที่พันธมิตรจะปิดสนามบิน (เกือบไม่ได้ดูแล้วเชียว ฮึ่ม ฮึ่ม)


สำหรับบรรยากาศคงไม่ต้องบรรยายอะไรกันมาก สมกับเป็นคอนเสิร์ทระดับโลก เทคนิก แสงสี และจอสกรีนซึ่งโคตรชัดมากๆ ลีลาป้าไคลี่ก็ไม่เป็นรองใครอยู่แล้ว เสื้อผ้าหน้าผมก็อลังการออกแบบโดย John Paul Gaultier แอบผิดหวังที่ป้าไม่ค่อยร้องเพลงเก่าๆเท่าไร ส่วนใหญ่จะเน้นเพลงในอัลบัมล่าสุด แต่ที่ surpriseฉันที่สุดคือป้านำเพลงสุดคลาสสิกของ Barry Manilow เพลงสุดโปรดของฉัน Copacabana มาร้องในคอนเสิร์ท ได้รับเสียงกรี๊ดจากฉันไปมากมาย และแน่นอนว่าเพลงปิดท้ายของป้าจะเป็นเพลงอื่นไปไม่ได้นอกจาก I should be so lucky ถือว่าเป็นเพลงวัดอายุกันเลยทีเดียว ฉันงี้แค่ได้ยินไตเติ้ลเพลงอาดรีนาลีนก็พุ่งพล่านแล้ว ทั้งเต้นทั้งร้องกระจายเลย


วันนั้นฉันกลับบ้านด้วยความเหนื่อย แต่ก็สนุกและประทับใจมาก ไม่คิดว่าจะได้เห็นนักร้องในดวงใจแบบตัวเป็นๆแบบนี้ ถือเป็นmoment นึงที่มีค่าในชีวิตเลยทีเดียว