ในที่สุดก็ได้ฤกษ์ซื้อ Harry Potter ยกชุดมาเมื่อเสาร์ที่แล้ว
ฉันคิดไว้นานแล้วว่าเมื่อไรที่มันออกครบ 7 เล่ม ฉันจะซื้อมาเก็บไว้ยกชุด ทีแรกฉันตั้งใจจะไปซื้อที่ร้านของนานมีเพราะได้ส่วนลดเยอะกว่าร้านทั่วๆไป แต่ก็ไม่ได้ไปสักที บังเอิญว่าฉันไปเจอชุดปกแข็งที่ร้านการ์ตูนบนเซ็นทรัลลด 20 % เหมือนกัน แถมวันนั้นเอารถไปล้างพอดี ก็เลยตัดสินใจซื้อเลยดีกว่า เบ็ดเสร็จ สองพันแปดร้อยกว่าๆ
ฉันใช้เวลาหนึ่งวันอ่านเล่มสุดท้ายแบบรวดเดียวจบ ซึ่งฉันว่ามันเป็นเสน่ห์อย่างนึงของหนังสือชุดนี้นะ คือเมื่อเริ่มอ่านแล้วมันทำให้วางไม่ลงจริงๆ แต่ละตอนผูกปมให้คนอ่านอยากรู้ว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป
เล่มสุดท้ายนี้เปิดเผยเรื่องราวความลับต่างๆ ซึ่งเป็นเสมือนกุญแจของเรื่องราวทั้งหมด ฉันคงไม่เล่าในนี้หรอก เพราะมันเยอะมาก เอาเป็นว่าเล่มจบนี้ทำให้ฉันรู้สึกเลยว่าคนเราทุกคนมีทั้งด้านดีและด้านมืด ไม่มีใครที่เลวสุดโต่ง (ยกเว้นลอร์ดโวลเดอมอร์ตคนนึง) หรือดีสุดขั้ว แม้แต่ดัมเบิลดอร์ที่ดูเหมือนจะperfectเหลือเกิน ก็ยังมีช่วงชีวิตที่มืดมนเหมือนกัน (รวมถึงความจริงอันน่าตกใจที่ว่าดัมเบิลดอร์เป็นเกย์ด้วย)
พออ่านเล่มนี้จบ ฉันก็เอาเล่มแรกๆกลับมาอ่านใหม่ จำได้ว่าสองเล่มแรกอ่านตอนทำงานอยู่ Siemens แน่ะ นานมากทีเดียว บางตอนก็ลืมๆไปแล้วล่ะ ต้องมารื้อฟื้นกันใหม่
ฉันว่าในบรรดา7 เล่ม เล่มที่ทรมานจิตใจที่สุดคงเป็นเล่มที่ 5 The Order of Phoenix เพราะหนามากๆ พักกว่าหน้าได้มั้ง แต่อย่างไรฉันก็อ่านรวดเดียวจบเหมือนกัน รู้สึกว่าใช้เวลาประมาณสองวันสองคืนได้มั้ง
ฉันยอมรับเลยนะว่าคนแต่งนี่เก่งจริงๆ ปกติฉันใช่จะชอบอ่านนิยายหรือวรรณกรรมสักเท่าไร แต่เรื่องนี้นี่ทำให้ฉันวางไม่ลงทุกเล่มเลย ฉันชอบการผูกเรื่อง ปริศนา มุขตลก และสาระที่สอดแทรกอยู่ในหนังสือเล่มนี้ เขาทำได้ดีมากๆ
อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่าไม่มีใครที่สมบูรณ์ไปซะทุกอย่าง ขึ้นชื่อว่าเป็นปุถุชนแล้ว เป็นธรรมดาที่จะมีทำผิดพลาดไปบ้าง อยู่ที่ว่าเราจะยอมรับมันได้มากแค่ไหน
ไม่น่าเชื่อว่าวรรณกรรมเด็กจะแฝงคำสอนได้ลึกซึ้งเพียงนี้ เอ หรือว่าฉันคิดมากไปเองหว่า