Sunday, November 25, 2007

วิกฤติชีวิต

Cinque Terre, Italy หมู่บ้านประมงเล็กๆในอิตาลี เคยไปมาเมื่อสามปีก่อน สวยมากๆ



ช่วงเดือนที่ผ่านมายอมรับเลยว่าเป็นช่วงยากลำบากของชีวิตเลยทีเดียว เพราะรู้สึกมีเรื่องอะไรเข้ามาเยอะแยะเต็มไปหมด ซึ่งก็ล้วนเป็นแต่เรื่องที่ทำให้ท้อแท้หดหู่ใจพอสมควร ตัวอย่างก็เช่นคอมพิวเตอร์ที่ใช้มาได้สองปีกว่าๆก็เกิดพังลงอย่างไม่คาดฝัน ไม่มีปี่มีขลุ่ย มันทำให้ฉันจิตตกไปเลยเพราะว่าโปรเจ็คสำคัญที่กำลังทำอยู่ทั้งหมดอยู่ในนั้น แล้วที่สำคัญคือฉันก็ไม่เคย back up ข้อมูลอะไรไว้เลย หลังจากเอาคอมไปซ่อม เสียเงินเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ใหม่ ฉันยังต้องเอาฮาร์ดดิสก์ตัวเก่าไปกู้ข้อมูลคืน ซึ่งก็โชคดีที่ว่าเพื่อนเจ้าของโปรเจ็คมีคุณอาซึ่งเก่งคอมพิวเตอร์ ทำให้ช่วยกู้วิกฤตชีวิตได้ไปหนึ่งเรื่อง

เรื่องต่อมาคืองานที่แสนจะหนักหนาเพราะเป็นเดือนที่ฉันต้องทำโบนัสจ่ายพนักงานกว่าสองพันคน ทำถูกบ้างผิดบ้าง เวลาก็น้อยเหลือเกิน ทำฉันเครียดไปเลย ฉันคิดว่าเรื่องงานเนี่ยคงจะยุ่งไปจนถึงเดือนหน้าเลยล่ะ กว่าจะดีขึ้น

นอกนั้นก็เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่เข้ามากระทบ พอมันเข้ามาบ่อยๆ ก็ทำให้ฉันรู้สึกหดหู่ไปได้เหมือนกัน นี่ขนาดคิดว่าตัวเราเองก็ผ่านอะไรมาพอสมควร คิดว่าเข้มแข็งกว่าแต่ก่อนนะ แต่ก็ยังไม่วายเสียสูญไปเหมือนกัน

อย่างว่าแหละ มันเป็นธรรมดาของชีวิตจริงๆ ที่มีขึ้นมีลง เดี๋ยวสุขเดี๋ยวทุกข์ สลับไปเรื่อยๆ

เวลาทุกข์ ฉันก็ไม่วายคิดย้อนไปถึงตอนสมัยอยู่เยอรมนี ทำไมตอนนั้นก็เรียนหนักนะ มีปัญหาเข้ามาบ้าง แต่ไม่เคยรู้สึกอะไรแย่แบบนี้เลย ตอนนั้นรู้สึกว่าอยู่กับตัวเองได้ดี แทบไม่เคยมีความรู้สึกเบื่อหรือหดหู่กับชีวิต ช่างต่างจากตอนนี้โดยสิ้นเชิง ฉันอยากมีความรู้สึกแบบช่วงนั้นอีกนะ แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน

การนึกถึงช่วงเวลาที่เรามีความสุข ทำให้อย่างน้อยเราก็ลืมความทุกข์ในปัจจุบันไปได้บ้าง ช่วงเวลาตอนนั้น ฉันเองอยากจะเก็บความรู้สึกอย่างนั้นไว้นานๆ แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้หรอก อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ผ่านไป อดีตก็คืออดีต

เอาเถอะ ยังไงฉันก็เชื่อว่าปัญหาและอุปสรรคทำให้คนเราแข็งแกร่งขึ้น และที่สำคัญคือคนเรามันคงไม่ดวงตกตลอดไปหรอก จริงมั้ย

Friday, November 9, 2007

ฝันกลางฤดูหนาว กับสถานที่ๆอยากไปเห็นก่อนตาย

Chichen Itza (Mexico)

Easter Island (Chile)

Machu Picchu (Peru)

ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลงอีกแล้ว แอบดีใจนะ เพราะฉันชอบอากาศประมาณนี้ อยากให้เมืองไทยอากาศแบบนี้ตลอดไปจัง
ใกล้สิ้นปีแล้ว ฉันก็เริ่มเพ้อฝันถึงโปรแกรมเที่ยวในปีหน้า ฉันมีที่ๆอยากไปเยอะมากๆ แต่ที่อยากไปสุดๆคงเป็นสถานที่ 3 แห่งที่เห็นในรูปในทวีป Central & South America
ฉันเห็นรูปและเรื่องราวของทั้งสามที่ในหนังสือเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมของโลกที่ซื้อจากงานสัปดาห์หนังสือ พอได้เห็นได้อ่านปั๊ปก็รู้สึกเลยว่า นี่แหละ คือที่ๆอยากไปเห็นก่อนตาย
ที่อยากไปเห็นเพราะสถานที่เหล่านี้มันมีเรื่องราว มีตำนาน มีความลี้ลับ เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
แต่ถ้าจะไปจริงๆคงต้องรอให้ฉันออกจากงานก่อน เพราะแค่นั่งเครื่องบินไปก็ 1 วันเต็มๆแล้ว ถ้าไปแค่ 1 อาทิตย์คงไม่คุ้มเท่าไร
ตอนนี้เลยขอแค่ฝันไปก่อนละกัน

Wednesday, November 7, 2007

หนึ่งวันกับภารกิจปกป้องโลกร้อน

เพิ่งจะรู้ว่าดินเลนนี่น่ากลัวมากๆ แรงดึงดูดมหาศาล

ช่วงก่อนฉันไม่ค่อยได้เข้าไปเช็คเมลที่ hotmail เท่าไร เพราะว่าตอนนี้ hotmail ของฉันเป็นที่เก็บของ spam และ forword เมลมากกว่าเมลที่เขียนหาฉันจริงๆ

ปรากฏว่าเพื่อนๆมีการคุยถึงการจัดทริปไปปลูกป่าที่สมุทรสงครามกัน กว่าฉันจะรู้เรื่องก็ปาไปกว่าหนึ่งอาทิตย์ให้หลัง ยังดีที่มีเพื่อนคบอยู่ เลยโทรมาบอกข่าวนี้

ฉันแปลกใจนิดหน่อยในตอนแรกที่ได้ยิน อืม ฟังดูเหมือนกิจกรรมเก็บตัวผู้เข้าประกวดนางงามเลยนะเนี่ย ฉันไม่เคยไปปลูกป่าชายเลนมาก่อน เคยแต่ไปปลูกต้นไม้บนเขาเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว แต่ก็คิดว่าคงจะคล้ายๆกันนะแหละ ที่สำคัญได้ไปเจอเพื่อนๆเก่าๆ น่าสนุกดีใช่มั้ยล่ะ

ตอนเช้านัดเจอกันที่สวนลุมตอนหกโมงเช้า (ช่างทรมานสิ้นดี) ฉันหวิดเกือบขึ้นรถผิดคันไปอรัญประเทศแล้วนะเนี่ย ดีที่พ่อบอกให้ถามคนขับก่อน อ้าว ก็เห็นมันจอดอยู่นิ เลยคิดว่าใช่

การไปปลูกป่าจะต้องลงเรือเล็กไปยังบริเวณที่จัดให้ ซึ่งตอนเช้านี้น้ำยังไม่ขึ้น สามารถลงไปปลูกได้

เจ้าหน้าที่บอกว่าจะมีชาวบ้านเข็นไม้กระดานให้เราไปยังต้นไม้ที่จะปลูก เราก็แค่คุ้ยๆเอาดินกลบรากของต้นไม้ แล้วก็ผูกเชือก เป็นอันเสร็จ สำหรับคนที่อยากลงไปลุยดินเลนก็สามารถทำได้

ฉันละก็คึก เลยลงไปลุยเอง หารู้ไม่ว่าดินเลนมันดูด ทำให้เดินยากมาก หลังๆฉันกับเพื่อนๆถึงกับต้องลงคลานเลยทีเดียว เพราะมันเร็วกว่าใช้สองขาเดิน ฉันว่าท่าพวกเราเหมือนบริทนี่เสปียร์ในMVเพลง Toxic แต่ซังบอกว่าเหมือนซาดาโกะในเรื่องเดอะริงค์มากกว่า

สรุปแล้วคือ ฉันปลูกไปได้ 3 ต้น หลังจากนั้นก็ถอดใจ เพราะหมดแรง คลานกลับมาที่เรือ แอบคิดว่าตูไม่น่าบ้าพลังเดินลุยดินเลนตั้งแต่แรกเลย แรงเลยหมดตั้งแต่ตอนนั้น

หลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า พวกเราก็แวะไปที่ตลาดอัมพวากัน ไปหาข้าวกลางวันทาน และก็นั่งเม้าท์ไปเรื่อยที่ร้านกาแฟ ช่างเป็นวันที่มีความสุขซะจริง

พอกลับถึงบ้านฉันก็สลบไปตามระเบียบ ถูกดินเลนดูดพลังไปหมด